ในวันนี้เราได้ทำการรวบข้อมูลของ เปียโนไฟฟ้า หลาย ๆ รุ่น จากแบรนด์ต่าง ๆ มารีวิวให้ได้อ่านกัน เพื่อให้คุณได้เห็นข้อแตกต่างว่ามีอะไรบ้าง ? เพื่อเป็นตัวช่วยในการตัดสินใจของคุณให้ง่ายขึ้น
เปียโน คืออะไร ?
“เปียโน” นั้น ย่อมาจาก “เปียโนฟอร์เต” ซึ่งเป็นเครื่องดนตรีที่บรรเลงโดยการใช้นิ้วกดลงไป โดยเสียงของเปียโนสามารถเข้ากับเครื่องดนตรีได้เกือบทุกชนิด สามารถบรรเลงเดี่ยว ๆ ได้หรือบรรเลงรวมกับวงก็ได้ โดยเปียโนจริง ๆ จะมีขนาดใหญ่ และมีน้ำหนักมาก ทำให้เคลื่อนย้ายได้ยาก และที่สำคัญมีราคาค่อนข้างแพง เลยทำให้หลาย ๆ คนมองข้ามเครื่องดนตรีชนิดนี้ไป
ต่อมาได้มีการผลิต เปียโนไฟฟ้า (Digital Piano) ขึ้นมา ซึ่งจะเป็นการเลียนแบบเสียงของเปียโนจริง ๆ โดยที่ไม่ใช้กลไกของเปียโนเลย แต่จะใช้แผงวงจรในการสังเคราะห์เสียงออกมาแทน ซึ่งมันจะมีองค์ประกอบทุก ๆ อย่างเหมือนกับเปียโนทั้ง น้ำหนักคีย์บอร์ด คันเหยียบ และเสียง แต่จะมาในขนาดที่เล็กกว่า มีน้ำหนักเบากว่า ทำให้เคลื่อนย้ายได้ง่ายกว่ามาก และที่สำคัญมันยังมีราคาที่ประหยัดกว่ามากด้วย ซึ่งแม้ว่า เทคโนโลยีในปัจจุบันนี้ จะยังไม่สามารถใช้เปียโนไฟฟ้าทดแทนเปียโนจริง ๆ ได้แบบร้อยเปอร์เซ็นต์ แต่ก็สามารถทำให้เราได้เล่นเปียโนง่ายขึ้น
สำหรับประเภทของเปียโน ปัจจุบัน เปียโน มีการออกเป็น 3 แบบ ใหญ่ ๆ ซึ่งแต่ละแบบก็จะให้เสียงที่เหมือน ๆ กัน อาจมีความแตกต่างกันบ้างเล็กน้อย แต่สิ่งที่ต่างกันจริง ๆ ก็คือ กลไกที่ทำให้เกิดเสียง
1.แกรนด์เปียโน
เป็นอะคูสติกเปียโน หรือเปียโนขนาดใหญ่ที่เราเห็นกันบ่อย ๆ ในละครหรือภาพยนตร์ โดยภายในจะมีการวางสายตามแนวนอน มีเสียงที่ค่อนข้างดัง และไพเราะมาก ๆ แต่ข้อเสียก็คือ ด้วยขนาดที่ใหญ่และมีน้ำหนักทำให้เคลื่อนย้ายได้ยากมาก ๆ และที่สำคัญราคาสูงที่สุดด้วย ทั้งยังจำเป็นต้องปรับตั้งสายเป็นประจำทุก ๆ ปี
2.อัพไรท์เปียโน
เป็นอะคูสติกเปียโนที่มีการวางสายตามแนวตั้ง ทำให้ได้ขนาดที่เล็กลงมาจาก แกรนด์เปียโน แต่ก็ยังถือว่ามีขนาดใหญ่ และเคลื่อนย้ายได้ยากอยู่ ส่วนราคาก็ลดน้อยลงมา ซึ่งก็ยังถือว่าแพงอยู่พอสมควร นอกจากนี้ก็ยังต้องมีการปรับตั้งสายเป็นประจำทุก ๆ ปีเช่นกัน
3.เปียโนไฟฟ้า หรือ ดิจิตอลเปียโน
เกิดมาเพื่อแก้ปัญหาต่าง ๆ ที่เปียโนแบบอื่น ๆ โดยทำการปรับเปลี่ยนกลไกในการเกิดเสียงใหม่ ซึ่งจะไม่มีการใช้สายเหมือนกับเปียโนในแบบก่อนหน้านี้ แต่จะใช้เป็นเสียงสังเคราะห์แทน ทำให้มีขนาดเล็กและมีน้ำหนักเบาลงมาก และที่สำคัญยังมีราคาประหยัดอีกด้วย ส่วนเสียงเปียโนไฟฟ้าจะใช้ลำโพงเข้ามาแทน ทำให้มีเสียงที่ไม่เป็นธรรมชาติมากนักหากเทียบกับเปียโนที่ใช้สาย แต่สามารถลดความยุ่งยากลงได้มากเช่นกัน ไม่จำเป็นต้องตั้งสาย แถมยังสามารถเคลื่อนย้ายได้ง่ายมาก นอกจากนี้ยังมีระบบที่เข้ามาช่วยสอนด้วยทำให้เปียโนไฟฟ้าคือแบบที่เหมาะกับมือใหม่มากที่สุด
ทักษะการเล่นเปียโน ถือได้ว่าเป็นพื้นฐานของดนตรีทั้งหมด นักดนตรี นักแต่งเพลงหลาย ๆ คนที่ประสบความสำเร็จ ต่างก็สามารถที่จะเล่นเปียโนทั้งนั้น เพราะฉะนั้นการเล่นเปียโนได้จะทำให้คุณเข้าใจทฤษฎีดนตรีได้อย่างง่ายดาย ซึ่งจะเป็นพื้นฐานที่คุณสามารถนำไปต่อยอดได้ สำหรับมือใหม่ก็ไม่ต้องกลัวว่าจะยาก เพราะในปัจจุบันนี้เราสามารถเรียนรู้ด้วยตัวเองได้มีครูหลายท่านทำคลิปสอนผ่านทาง YouTube บอกถึงเทคนิคต่าง ๆ ที่เราควรรู้ นอกจากนี้ก็ยังสามารถหาคอร์สเรียนเพิ่มเติมกันได้ แต่สิ่งแรกที่คุณต้องมีก็คือ เปียโนไฟฟ้า หรือ ดิจิตอลเปียโน ก่อน เพราะการเล่นดนตรี ถ้าเราอยากเก่ง เราจำเป็นต้องฝึกซ้อมทุก ๆ วัน เพื่อให้เกิดความชำนาญ
ในวันนี้เราได้ทำการรวบข้อมูลของ เปียโนไฟฟ้า หลาย ๆ รุ่น จากแบรนด์ต่าง ๆ มารีวิวให้ได้อ่านกัน เพื่อให้คุณได้เห็นข้อแตกต่างว่ามีอะไรบ้าง ? เพื่อเป็นตัวช่วยในการตัดสินใจของคุณให้ง่ายขึ้น
Korg B2-SP Digital Piano เปียโนไฟฟ้า แป้นเหยียบ 3 ทาง
ราคา 20,250 บาท*
KORG B2-SP เป็นเปียโนดิจิตอลรุ่นใหม่ เน้นการความหรูหรา และการใช้งานที่ง่าย เหมาะจะเป็นเปียโนตัวแรกสำหรับผู้เล่นใหม่ มาพร้อมเสียงที่คัดสรรมาเป้นอย่างดี ซอฟต์แวร์ และการเชื่อมต่อที่หลากหลาย มาในรูปแบบคีย์บอร์ดวางบนขาตั้งไม้ ซึ่งสามารถแยกออกจากโต๊ะได้ ประกอบได้ง่าย มีขนาดกะทัดรัด และน้ำหนักเบา ทำให้มันเคลื่อนย้ายได้ง่าย และประหยัดพื้นที่ มีลิ่มค้อนแบบ Natural Weighted Hammer ซึ่งจะให้น้ำหนักที่สมจริง เสียงที่ออกมาใส กังวาล แป้นคีย์ไวต่อการกดถึง 3 ระดับ พร้อมกับเอฟเฟค Reverb และ Chorus แถมยังมีฟังก์ชัน Metronome อีกด้วย มีเสียงโพลีโฟนีถึง 120 เสียง และมีเสียงเครื่องดนตรีต่าง ๆ อีก 12 เสียง มีการใช้เทคโนโลยี Motional Feedback ช่วยเพิ่มการสั่นสะเทือนของเสียง ทำให้ได้เสียงที่ออกมาเป็นธรรมชาติมากขึ้น ระบบเสียงใช้เป็น Stereo PCM ซึ่งคมชัด โทนเสียงสดใส สำหรับ KORG B2-SP ถือเป็นเปียโนที่เหมาะกับทั้งมือใหม่และมือโปรเลยครับ ด้วยฟังก์ชันที่ให้มา จะทำให้คุณทำสิ่งต่าง ๆ ได้มากขึ้น หากคุณกำลังมองหาสิ่งที่สะดวกสบายในการฝึกฝนเปียโนอยู่ รุ่นนี้ตอบโจทย์มาก
จำนวนแป้นคีย์ |
88 คีย์ |
แป้นเหยียบ |
3 Pedals |
กำลังขับต่อข้าง |
15 วัตต์ |
ขนาดลำโพง |
N/a |
ขนาด |
1,312 x 336 x 750 มม. |
น้ำหนัก |
21 กก. |
Casio Privia PX-S1000 เปียโนไฟฟ้า
ราคา 24,900 บาท*
Casio Privia PX-S1000 เป็นเปียโนไฟฟ้าคุณภาพสูงของ Casio มาพร้อมกับเทคโนโลยีโครงสร้างที่มีการปรับให้มันกะทัดรัดมากขึ้น เพื่อให้มีรูปลักษณ์ที่เพียวบาง และมีน้ำหนักเบา ช่วยให้คุณสามารถเคลื่อนย้ายได้ง่าย และไม่เปลืองพื้นที่ในการจัดวาง แผงควบคุมแบบ LED ซึ่งเป็นดีไซน์ที่ดูหรูหรา พรีเมียมมาก ๆ ไม่มีปุ่มยื่นออกมาให้เกะกะ โดยปุ่มเป็นเซ็นเซอร์ ซึ่งใช้การสัมผัสแทนการกด หากปิดไฟ LED คุณก็จะไม่เห็นปุ่มใด ๆ เลย สิ่งนี้ช่วยทำให้คุณ มีสมาธิกับการเล่นเพลงมากขึ้น ในส่วนของเอ็นจิ้นเสียงรุ่นนี้ใช้ Multi-dimensional Morphing (AiR) ซึ่งสามารถให้เสียงจำลองแกรนด์เปียโนที่ไพเราะนุ่มนวลและเป็นธรรมชาติมาก ๆ คีย์บอร์ดเซ็นเซอร์ 5 ระดับ สามารถเปลี่ยนระดับเสียงและโทนตามแรงกด ช่วยให้คุณสื่อสารอารมณ์เพลงออกมาได้ดีขึ้น มีโพลีโฟนีสูงถึง 192 เสียง มีเอฟเฟค Chorus มากถึง 4 แบบ และ DSP กับ Brilliance และยังสามารถบันทึกเพลงได้ 2 แทร็ค มีการตอบสนองการปล่อยคีย์ ช่วยให้คุณเล่นโน้ตซ้ำได้เร็วมากขึ้น การปรับสเกล 88 คีย์ ซึ่งคล้ายคลึงกับการเล่นแกรนด์เปียโน แป้นคีย์มีการสัมผัสเหมือนแกรนด์เปียโนเลย แต่ทว่าจะแตกต่างกันที่ขนาดและน้ำหนัก ซึ่งรุ่นนี้ออกแบบขนาดมาให้มีความพอดีกับปลายนิ้ว มันจึงช่วยให้เล่นได้ง่ายขึ้น ในด้านการเชื่อมต่อการรองรับทุก ๆ อย่างได้หมดครับ สามารถใช้ USB, MIDI และรวมถึง Bluetooth ได้ มีช่องต่อหูฟัง และอื่น ๆ นอกจากนี้ยังสามารถใช้กับซอฟแวร์ Chordana Play ได้อีกด้วย หากคุณต้องการหาซื้อเปียโนไฟฟ้าคุณภาพดี ๆ ในราคาย่อมเยา บอกเลยว่า Casio Privia PX-S1000 ตอบโจทย์คุณมาก ๆ ครับ ด้วยฟังก์ชันที่ให้มาครบถ้วน คุณภาพเสียงดีเยี่ยม และดีไซน์ที่สวยงาม
จำนวนแป้นคีย์ |
88 คีย์ |
แป้นเหยียบ |
3 Pedals |
กำลังขับต่อข้าง |
8 วัตต์ |
ขนาดลำโพง |
16 ซม. / 8 ซม. 2 ตัว |
ขนาด |
1,322 x 232 x 102 มม. (ไม่รวมโต๊ะ) |
น้ำหนัก |
11.2 กก. (ไม่รวมโต๊ะ) |
Yamaha P125 Digital Piano เปียโนไฟฟ้า
ราคา 26,900 บาท*
Yamaha P-125 เป็นเปียโนไฟฟ้าจากแบรนด์คุณภาพครับ สำหรับรุ่นนี้ถือเป็นเปียโนไฟฟ้าที่จำลองระบบเสียงจากเปียโนได้ดีที่สุดแล้ว มีจุดเด่นที่เพิ่มขึ้นมาจากรุ่นก่อนหลายอย่างครับ ทั้งการตั้งค่าพรีเซ็ตได้ถึง 24 เสียง สามารถเล่นจังหวะได้ 20 จังหวะ อีกทั้งยังมีเพลงตัวอย่าง 21 เพลง และเพลงเปียโน 50 เพลง ลำโพงยังปรับเป็นรูปแบบใหม่ 2 ทิศทาง แป้นคีย์แบบระบบค้อน Graded Hammer Standard (GHS) ซึ่งให้ลิ่มสัมผัสที่คล้ายคลึงกับยามาฮ่าแกรนด์เปียโน และให้น้ำหนักถึง 4 ระดับ ช่วยให้คุณบรรเลงได้หนักเบาได้ง่ายขึ้น ทำโพลีโฟนีได้ 192 ตัวโน๊ต มีเอฟเฟคในตัวให้เลือกเล่นมากมาย สามารถบันทึกเพลงได้ 2 แทรค 1 เพลง ทั้งหมด 11,000 ตัวโน๊ต และมีการเชื่อมต่ออีกมากมาย ส่วนเสียงที่ออกมาจะเป็นระบบ Pure CF Sound Engine ซึ่งมันสามารถให้ซาวด์ที่สมจริง เป็นธรรมชาติ ด้วยลำโพง Woofer ขนาด 4.7 นิ้ว 2 ตัว และลำโพง Tweeter ขนาด 1.5 นิ้ว อีก 2 ตัวครับ เพิ่มความสะดวกสบายด้วยหน้าจอแสดงผลที่คมชัด และสามารถใช้ร่วมกับแอป Smart Pianist APP ได้ ซึ่งเหมาะกับทั้งมือใหม่และมือโปรเลย ไม่ว่าคุณจะใช้ในการแต่งเพลงหรือแกะเพลง มันก็จะกลายเป็นเรื่องง่ายทันที ส่วนในด้านของดีไซน์ก็สวยงาม เรียบหรู ช่วยให้ห้องของคุณดูหรูขึ้น ขนาดก็เล็ก กะทัดรัดมากครับ ทำให้ไม่เปลืองพื้นที่บ้านของคุณอย่างแน่นอน สำหรับ Yamaha P-125 แบรนด์นี้ไม่ต้องห่วงเรื่องคุณภาพครับ คุ้มค่าอย่างแน่นอน
จำนวนแป้นคีย์ |
88 คีย์ |
แป้นเหยียบ |
1 Pedals |
กำลังขับต่อข้าง |
7 วัตต์ |
ลำโพงขนาด |
Woofer 12 ซม. 2 ตัว / Tweeter 4 ซม. 2 ตัว |
ขนาด |
1,326 x 295 x 166 มม. (ไม่รวมโต๊ะ) |
น้ำหนัก |
11.8 กก. (ไม่รวมโต๊ะ) |