1. จำนวนคีย์ (Keys)

ควรเลือกเปียโนไฟฟ้าที่มีจำนวนคีย์ 88 คีย์เหมือนกับเปียโนจริง เพราะจะช่วยให้คุณฝึกการเล่นในแบบเดียวกับเปียโนอะคูสติก อย่างไรก็ตาม หากยังไม่พร้อมจะลงทุนขนาดนั้น อาจเลือกเปียโนไฟฟ้าที่มี 61 คีย์ หรือ 76 คีย์ก็ได้ในเบื้องต้น

2. สัมผัสของคีย์ (Touch Sensitivity)

สัมผัสของคีย์ควรใกล้เคียงกับเปียโนอะคูสติก ซึ่งจะมีการตอบสนองตามแรงกดของนิ้วมือ คีย์ที่มีน้ำหนักเหมือนเปียโนจริง (Weighted Keys) จะช่วยให้ผู้เล่นฝึกการใช้พลังนิ้วและการควบคุมได้ดีขึ้น

3. เสียง (Sound Quality)

เลือกเปียโนไฟฟ้าที่มีเสียงสมจริง โดยเฉพาะเสียงเปียโนอะคูสติก หลายแบรนด์มีเทคโนโลยีที่สามารถจำลองเสียงเปียโนได้ใกล้เคียงมาก ซึ่งจะช่วยให้คุณเพลิดเพลินกับการฝึกซ้อมมากขึ้น

4. คุณสมบัติพิเศษ (Features)

หากคุณต้องการความสะดวกในการฝึก ควรมองหาเปียโนที่มีฟังก์ชันเพิ่มเติม เช่น เมโทรนอม (Metronome) สำหรับฝึกจังหวะ, การบันทึกเสียง, การเชื่อมต่อกับหูฟัง หรือการเชื่อมต่อกับอุปกรณ์เสริมอื่น ๆ เพื่อช่วยในการเรียนรู้

5. ขนาดและน้ำหนัก (Portability)

หากคุณมีพื้นที่จำกัด หรืออยากพกพาเปียโนไปที่ต่าง ๆ ควรเลือกเปียโนไฟฟ้าที่มีน้ำหนักเบาและขนาดกะทัดรัด แต่ยังคงคุณภาพเสียงที่ดี

6. ราคา (Price)

ควรตั้งงบประมาณที่เหมาะสม เปียโนไฟฟ้ามีหลากหลายช่วงราคา แต่หากคุณเป็นมือใหม่ ไม่จำเป็นต้องเลือกเครื่องที่มีราคาแพงมาก ควรเลือกที่คุ้มค่ากับคุณสมบัติที่ได้รับ

7. แบรนด์ที่เชื่อถือได้

ยี่ห้อที่เป็นที่นิยมและมีคุณภาพดี เช่น Yamaha, Roland, Korg, หรือ Casio เหล่านี้เป็นแบรนด์ที่ได้รับการยอมรับจากนักดนตรีทั้งมืออาชีพและมือใหม่

สรุป

การเลือกเปียโนไฟฟ้าที่ดีและเหมาะสมจะช่วยให้คุณมีความสนุกกับการฝึกฝนมากขึ้นและพัฒนาทักษะได้อย่างมีประสิทธิภาพในระยะยาว

เปียโนดีเปียโนเด็ด ต้องPiano United

ติดต่อสอบถาม

โทร 063-419-1111 หรือ  LINE  PianoUnited.  มีด้วยกัน 2 สาขา บริการลูกค้าด้วยใจ 

Happy Hub Avenue ถ.สุคนธสวัสดิ์ (สาขา1)

สาขาราชพฤกษ์ (สาขา2) 

#กดโทรได้เลยนะครับ ยินดีบริการครับ