1. การสร้างสัญญาณเสียง (Oscillator)

ซินธิไซเซอร์สร้างเสียงขึ้นมาจากการสร้างสัญญาณไฟฟ้าซึ่งเกิดจาก Oscillator (ออสซิลเลเตอร์) ซึ่งทำหน้าที่กำเนิดคลื่นเสียง เช่น คลื่นไซน์ (Sine wave), คลื่นสามเหลี่ยม (Triangle wave), คลื่นสี่เหลี่ยม (Square wave), หรือ คลื่นฟันเลื่อย (Sawtooth wave) ซึ่งคลื่นแต่ละแบบจะมีคุณสมบัติของเสียงที่แตกต่างกันไป ทำให้เกิดเสียงในลักษณะเฉพาะตัว

2. การปรับแต่งเสียง (Filters)

เมื่อได้สัญญาณเสียงจากออสซิลเลเตอร์แล้ว Filter (ฟิลเตอร์) จะเข้ามาทำหน้าที่กรองหรือปรับแต่งเสียง ฟิลเตอร์สามารถใช้ตัดหรือเพิ่มช่วงความถี่ของเสียง เช่น Low-pass filter ตัดเสียงย่านความถี่สูงออกทำให้เสียงทุ้มลง, High-pass filter ตัดเสียงย่านความถี่ต่ำทำให้เสียงแหลมมากขึ้น

3. การควบคุมความดัง (Amplifier / Envelope)

ซินธิไซเซอร์มีระบบ Amplifier หรือเครื่องขยายเสียงที่ควบคุมระดับความดังของสัญญาณเสียงที่ออกมา ระบบ Envelope (การปรับการเปลี่ยนแปลงของเสียงตามเวลา) ใช้ควบคุมการพัฒนาของเสียงในแต่ละช่วง เช่น การเริ่มเสียง (Attack), การลดระดับเสียง (Decay), ระยะเวลาที่เสียงคงที่ (Sustain), และการหยุดเสียง (Release) ซึ่งเป็นสิ่งที่ใช้ปรับแต่งลักษณะของเสียงเมื่อกดแป้นพิมพ์หรือปล่อยออก

4. การมอดูเลตเสียง (Modulation)

Modulation (การมอดูเลต) เป็นการปรับเปลี่ยนหรือผสมผสานสัญญาณเสียงเพิ่มเติม ซึ่งอาจทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงความสูงของเสียง, ความดัง หรือลักษณะเสียงต่าง ๆ ตัวอย่างการมอดูเลต เช่น LFO (Low Frequency Oscillator) ที่ใช้สร้างการสั่นหรือการสั่นคลอนของเสียง

5. การควบคุมการเล่น (Control Interface)

ซินธิไซเซอร์มักจะถูกควบคุมด้วยแป้นพิมพ์หรือ MIDI Controller ซึ่งเป็นเครื่องมือที่ใช้ควบคุมการสร้างเสียง และสามารถปรับแต่งการเล่นหรือการใช้งานเอฟเฟกต์ต่าง ๆ ได้

สรุป

ซินธิไซเซอร์มีหลากหลายประเภท ตั้งแต่ Analog Synthesizer ซึ่งใช้วงจรไฟฟ้าในการสร้างเสียง ไปจนถึง Digital Synthesizer ที่ใช้การประมวลผลทางดิจิทัลในการสร้างเสียง

เปียโนดีเปียโนเด็ด ต้องPiano United

ติดต่อสอบถาม

โทร 063-419-1111 หรือ  LINE  PianoUnited.  มีด้วยกัน 2 สาขา บริการลูกค้าด้วยใจ 

Happy Hub Avenue ถ.สุคนธสวัสดิ์ (สาขา1)

สาขาราชพฤกษ์ (สาขา2) 

#กดโทรได้เลยนะครับ ยินดีบริการครับ